MICROCONTROLLER

วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557

โรคไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A Virus : HAV)

โรคไวรัสตับอักเสบเอ
(Hepatitis A Virus : HAV)
โรคไวรัสตับอักเสบ
โรคไวรัสตับอักเสบคือ การอักเสบของตับที่เกิดจากตับติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซึ่งพบได้ 2 ลักษณะคือ การอักเสบติดเชื้อเฉียบพลัน และการอักเสบติดเชื้อเรื้อรัง เกิดได้ทุกอายุ ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ โอกาสเกอดเท่ากันทั้งในเพศชายและเพศหญิง ที่เกิดจากการตับติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอ (Hepatitis A Virus : HAV) ซึ่งเป็นไวรัสที่ติดต่อผ่านทางปากจากการกิน ดื่ม หรืสัมผัสทางปาก โดยปนเปื้อน ในอุจจาระของผู้ป่วยโดยตรงจากการดูแลหรือใกล้ชิดผู้ป่วย
                ไวรัสตับอักเสบชนิดเอ เป็นเชื้อไวรัสในกลุ่มpicornavirusโดยจะก่อให้เกิดการติดเชื้อเฉพาะสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ผู้ที่เคยติดเชื้อไวรัสตักอักเสบ เอ จะมีภูมิคุ้มกันอยู่ตลอดชีวิตและจะไม่เป็นโรคนี้อีก สำหรับการติดต่อนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อกินอาหารที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบเอเข้าไป เชื้อไวรัสจะเข้าไปติดเชื้อในเซลล์ตับ โดยเจริญในเซลล์ตับก่อให้เกิดโรคในที่สุด และเชื้อไวรัสนี้มักจะถูกขับออกทางน้ำดีและอุจจาระ
                โรคนี้มักจะระบาดในชุมชนทีอยู่กันหนาแน่นและไม่ถูกสุขลักษณะ สำหรับระยะฟักตัวตั้งแต่ผู้ป่วยได้รับเชื้อจนกระทั่งเกิดอาการโดยเฉลี่ยประมาณ 1 เดือน ส่วนระยะติดต่อที่ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อติดต่อไปยังคนอื่นได้ง่ายที่สุด คือ ระยะเวลาก่อนเกิดอาการ 2 สัปดาห์ และอาจจะมีเชื้อออกมาทางอุจจาระต่อไปอีกได้หลายสัปดาห์หลังจากมีอาการตัวเหลืองตาเหลือง คือ มีตับอักเสบชัดเจนแล้วก็ได้
สาเหตุและปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรค
                โรคไวรัสตับอักเสบเอ เป็นโรคตับที่พบได้บ่อยและเป็นโรคร้ายแรง ซึ่งมีลักษณะโรคดังนี้
-         เป็นโรคที่ติดต่อในระบบทางเดินอาหารอยู่ในกลุ่มอุจจาระร่วง
-         เกิดจากการกินอาหารสกปรกที่เจือปนไปด้วยอุจจาระของผู้ป่วย
-         มีความผิดปกติในเซลล์ที่เนื้อตับ
-         อาจพบความผิดปกติร่วมกับไวรัสตับอักเสชนิดอื่นๆ
อาการของโรค
1.ปวดท้องด้านบนขวา
2.เบื่ออาหาร
3.มีไข้
4.มีอาการเหลือง ดีซ่าน
5.อาเจียน ท้องเสีย
อาการของไวรัสตับอักเสบเอ แบ่งออกเป็น 4 ระยะได้แก่
1.ระยะแรกเรียกว่า ระยะฟักตัวเป็นระยะตั้งแต่ไดรับเชื้อจนกระทั่งเกิดอาการของโรคโดยปกติประมาณ 28 วัน ระยะนี้จะเป็นระยะที่สำคัญในการแพร่เชื้อ
2.ระยะเกิดอาการทั่วๆไปหรือ Prodomeผู้ป่วยจะเกิดอาการทั่วไปดังกล่าวข้างต้นแต่ยังไม่มีอาการตัวเหลืองตาเหลือง
3.ระยะตัวเหลืองตาเหลือง ระยะนี้จะเริ่มหลังจากระยะที่สองประมาณ 10 วัน หลังจากตัวเหลืองตาเหลืองอาจจะมีไข้ได้อีก 2-3 วัน เมื่อมีอาการตัวเหลืองตาเหลืองแล้วเรามักจะไม่พบเชื้อในกระแสเลือด แต่ยังสามารถพบเชื้อในอุจาระและยังสามารถติดต่อไปยังผู้อื่นได้อีก 2-3 สัปดาห์
4.ระยะฟื้นตัว แม้ว่าการฟื้นตัวของไวรัสตับอักเสบ เอจะช้าแต่ส่วนใหญ่หายขาดโดยที่ไม่มีโรคแทรกซ้อน
หากแพทย์ตรวจร่างกายจะพบว่าตับม้ามโต มีดีซ่านประมาณว่าร้อยละ 10-15 จะมีการกำเริบในระยะเวลา 6 เดือนตั้งแต่เกิดการอักเสบของตับ โรคแทรกซ้อนที่สำคัญคือการเกิดตับวายพบได้น้อยมากประมาณร้อยละ 0.5

การตรวจหา hepatitis A
1. Immune electronmicroscopyปฏิกิริยาระหว่าง antibody และ antigen เกิดการตกตะกอนของจุลของไวรัส เห็นได้ด้วยกล้องจุลทรรศ์อิเล็กตรอน


มักใช้เป็น convalescent serum ของผู้ที่เคยเป็น โรคไวรัสตับอักเสบเอ หรือใช้ antibody ของสัตว์ทดลองที่ฉีดไวรัสของ hepatitis A เข้าไป
                นอกจากนั้นแล้ว HAV จะออกมาในอุจจาระก่อนที่ผู้ป่วยจะมีอาการเหลือง คือ ในระยะ prodromal เชื้อจะไม่ออกมาในอุจจาระหลังจากผู้ป่วยเหลืองแล้ว โดยเฉพาะก่อนที่ Transaminase จะขึ้นไปสูงสุด ดังนั้นเมื่อผู้ป่วยไปพบแพทย์ก็อาจจะเป็นระยะเวลาที่ไม่มีเชื้อออกมาแล้ว


 

           2. Rising titer ของ IgG anti-HAV  มักจะตรวจพบได้เมื่อผู้ป่วยเริ่มมีอาการและtiterจะเริ่มสูงขึ้น
 การวินิฉัยต้องอาศัย 4 เท่าของ IgG anti-HAV titer การที่ไม่พบว่ามีการเพิ่มขึ้นของ Titer ไม่ได้หมายถึงว่าผู้ป่วยไม่ได้เป็นโรคไวรัสตับอักเสบเอ  ถ้าเจาะเลือดในระยะปลายของโรคโดยที่ anti – HAV อาจจะสูงมากอยู่แล้ว แต่ถ้าหากว้าไม่พบ IgG anti-HAV ในผู้ป่วยที่เป็น โรคไวรัสตับอักเสบ สามารถที่จะบอกได้ว่าผู้ป่วยไม่ได้เป็นโรคไวรัสตับอักเสบเอ anti-HAV

3. Anti-HAV, IgM class (IgM anti-HAV) ในผู้ป่วยที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบเอขึ้นเฉียบพลันจะเกิด IgM anti-HAV ต่อมาจึงเป็น IgG class ดังนั้นในผู้ป่วยที่เหลืองและวินิจฉัยว่าเป็นโรคตับอักเสบเฉียบพลัน เจาะเลือดพบ IgM anti-HAVวินิจฉัยได้ว่า ผู้ป่วยรายนี้เป็นโรคไวรัสตักอักเสบเอ ถ้าหากว่าตรวจไม่พบ IgM anti-HAV แสดงว่าผู้ป่วยนั้นไม่ได้เป็นfresh hepatitis A infection  IgM anti-HAV จะตรวจพบได้เพียงประมาณ 2 เดือนหลังจากที่ผู้ป่วยมีอาการ
การตรวจพบ IgG anti-HAV แสดงว่าผู้ป่วยนั้นเคยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบเอมาก่อนและมี immunity สำหรับโรคไวรัสตับอักเสบเอ ไปตลอดชีวิต

การป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบหลังจากที่ได้รับเชื้อแล้ว
คำแนะนำสำหรับการป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอขึ้นกับ ระยะเวลาที่รับเชื้อพบว่าหากให้การป้องกันภายใน 14 วันหลังสัมผัสโรคจะลดการติดเชื้อลงได้ร้อยละ85-90% อายุของผู้สัมผัส โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากจะมีอาการมาก และมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่ากลุ่มที่มีอายุน้อย นอกจากนั้นผู้ที่มีโรคตับอยู่ก่อนก็จะมีอาการรุนแรงกว่าคนทั่วๆไปดังนั้นการให้การป้องกันจะต่างกัน
-         สำหรับผู้ที่มีโรคตับ โรคประจำตัวอื่นๆเช่นโรคไต โรคหัวใจ เป็นต้น หรือผู้สูงอาย(>40)ุหากสัมผัสหรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ ที่ไม่เคยได้รับวัคซียป้องกันไวรัสตับอักเสบมาก่อน ควรจะได้รับยา IG(Immunoglobulin Gramma)(0.02 mL/kg) เพียงเข็มเดียว
-         สำหรับกลุ่มอายุตั้งแต่ 12 เดือนถึงอายุ 40 ปีควรจะใช้วัคซีนป้องกันเพราะจะทำให้ผู้ป่วยมีภูมิคุ้นกันตลอดชีวิต และยังไม่มีข้อมูลว่าการให้ IG จะดีกว่าการให้วัคซีน
-         สำหรับ IG ควรให้ในรายที่อายุน้อยกว่า 12 เดือนหรือมากกว่า 40 ปี หรือผู้ที่มีภูมิคุ้นกันบกพร่อง หรือมีโรคประจำตัว ผู้ที่ได้ IG ควรจะได้ vaccine รวมด้วย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น