โรคดีซ่าน
(รูปที่ 1ดีซ่าน ,http://healthmeplease.com)
โรคดีซ่านคือ โรคที่ทำให้เยื่อตาและตัวเหลือง ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้ว ดีซ่านไม่ใช่โรค แต่เป็นอาการหนึ่งของโรคต่างๆ
ที่ทำให้เลือดมีสารสีเหลืองหรือสารบิลิรูบิน (Bilirubin) สูงกว่าปกติ
สารสีเหลืองเหล่านี้จึงจับในเนื้อเยื่อต่างๆที่ผิวหนังและในเนื้อเยื่อตา ส่งผลให้เป็นสีเหลือง
ส่วนสารให้สีเหลืองในพืชผักและผลไม้คือ สารแคโรทีน(Carotene) มีมากในผักผลไม้สีเหลือง แดง
และแสด เช่น แครอท
ฟักทอง มะเขือเทศ ส้ม
มะม่วงสุก และมะละกอสุก
เมื่อกินปริมาณสูงต่อเนื่องจะมีผลให้ตัวเหลืองได้ (เกิดเฉพาะผิวหนัง เพราะสารจะจับเฉพาะผิวหนัง) แต่จะไม่ทำให้ตาหรือเนื้อเยื่ออื่นๆเหลือง จึงไม่เรียกว่าโรคภาวะดีซ่าน
สารบิลิรูบินในเลือดเป็นสารที่อยู่ในเม็ดเลือดแดง โดยปกติเมื่อเม็ดเลือดแดงหมดอายุงาน (เม็ดเลือดแดงมีอายุประมาณ 120 วัน) จะถูกทำลายที่ตับ
ส่วนหนึ่งของสารบิลิรูบินจากเม็ดเลือดแดงที่ถูกทำลายจะถูกสร้างเป็นน้ำดี และอีกส่วนซึ่งเป็นส่วนน้อยถูกดูดซึมกลับเข้ากระแสเลือด
แต่ในโรคที่เป็นสาเหตุของดีซ่านจะมีสารบิลิรูบินในกระแสเลือดสูงกว่าปกติมาก จนก่ออาการดีซ่าน
สาเหตุการคั่งของสารบิลิรูบินในเลือดมีได้ 3 สาเหตุหลัก
ได้แก่
สาเหตุจากโรคบางชนิดทำให้เม็ดเลือดแดงถูกทำลายสูงขึ้น (โดยเม็ดเลือดแดงถูกทำลายในกระแสเลือดโดยตรง ไม่ผ่านตับ)
สาเหตุจากโรคตับ
และสาเหตุจากการอุดกั้นทางเดินน้ำดี
สาเหตุอาการดีซ่านจากโรคบางชนิดที่มีการทำลายเม็ดเลือดแดงในเลือดโดยตรง ไม่ผ่านตับ ได้แก่ โรคมาลาเรีย
โรคเลือดบางชนิด (เช่น โรคทาลัสซีเมีย) และโรคฉี่หนู
ดังนั้นเมื่อมีการทำลายเม็ดเลือดแดงมากขึ้น สารบิลิรูบินในเลือดจึงสูงขึ้น ก่ออาการดีซ่าน ซึ่งอาการดีซ่านจากสาเหตุนี้
ปัสสาวะอาจมีสีเข้มจากสารบิลิรูบินที่กรองออกทางไต หรืออาจมีสีปกติ ถ้าทำลายเม็ดเลือดแดงไม่มาก แต่อุจจาระจะมีสีปกติ เพราะน้ำดียังไหลลงลำไส้ได้ตามปกติ
สาเหตุของอาการดีซ่านจากโรคตับเกิดจากตับอักเสบจากสาเหตุต่างๆที่พบได้บ่อย เช่น
โรคไวรัสตับอักเสบ
ทำให้ตับไม่สามารถกำจัดสารบิลิรูบินได้ตามปกติ สารนี้จึงเข้าสู่กระแสเลือด ก่ออาการดีซ่าน ซึ่งอาการดีซ่านจากสาเหตุนี้ ปัสสาวะจะมีสีเหลืองเข้มจากปริมาณสารบิลิรูบินที่กรองออกทางไต ส่วนอุจจาระอาจมีสีปกติหรือสีซีด (แต่ไม่มาก)
เพราะน้ำดียังไหลลงสู่ลำไส้ได้
สาเหตุของอาการดีซ่านจากการอุดกั้นทางเดินน้ำดี โดยเฉพาะท่อน้ำดีนอกตับ ซึ่งอาจมีสาเหตุจากโรคมะเร็งตับชนิดซีซีเอ โรคนิ่วในท่อน้ำดี โรคมะเร็งท่อน้ำดีรวม โรคตับอ่อนอักเสบ หรือโรคมะเร็งตับอ่อน ดังนั้นน้ำดีจึงไหลลงสู่ลำไส้ไม่ได้ และจากการท้นของสารบิลิรูบินเข้ากระแสเลือด
อาการดีซ่านจากสาเหตุนี้จึงมีผลให้ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม ส่วนอุจจาระจะมีสีซีดผิดปกติมาก
อาการ
นอกจากตาเหลืองตัวเหลืองแล้ว
อาการต่างๆจะขึ้นกับสาเหตุที่เกิด
เช่น
สาเหตุของดีซ่านเกิดจากโรคตับอักเสบ
ก็จะมีอาการโรคตับอักเสบด้วย นอกจากนั้นคืออาการคันตามตัวจากการระคายต่อผิวหนังของสารบิลิรูบิน
การวินิจฉัย
แพทย์วินิจฉัยสาเหตุได้จากประวัติการเจ็บป่วย อาการของผู้ป่วย สีผิวหนังและเยื่อตา สีของปัสสาวะและอุจจาระ การตรวจร่างกาย การตรวจเลือดดูค่าสารบิลิรูบิน และดูการทำงานของตับ การตรวจปัสสาวะ การตรวจหาเชื้อต่างๆ เมื่อสงสัยว่ามีสาเหตุจากการติดเชื้อ การตรวจเลือดดูค่าสารภูมิต้านทานเมื่อสงสัยสาเหตุจากไวรัสตับอักเสบ การตรวจไขกระดูกเมื่อสงสัยเป็นโรคเลือด การตรวจภาพตับ
ท่อน้ำดี ถุงน้ำดี และตับอ่อน
ด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หรืออัลตราซาวนด์
หรือด้วยวิธีเฉพาะต่างๆเพิ่มเติม
ทั้งนี้ขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์
แนวทางการรักษา
แพทย์จะให้การรักษาภาวะดีซ่านตามสาเหตุ เช่น
การรักษาโรคตับอักเสบ การผ่าตัดรักษานิ่ว หรือการรักษาโรคมะเร็งที่เป็นสาเหตุ
นอกจากนั้นจะเป็นการรักษาประคับประคองตามอาการ โดยเฉพาะอาการคัน
ถ้าภาวะดีซ่านเกิดจากการอุดตันของทางเดินน้ำดี การรักษาคือการผ่าตัดหรือเจาะใส่ท่อ
เพื่อให้น้ำดีที่คั่งในตับหรือท่อน้ำดีไหลระบายออกนอกตับ
(ในบางสาเหตุอาจใช้การใส่ท่อขยายท่อน้ำดีแทนการผ่าตัด)
ผลข้างเคียงและความรุนแรง
ผลข้างเคียงที่สำคัญคือ อาการคันจากการคั่งของสารสีเหลืองหรือสารบิลิรูบินในเลือด และการเสียภาพลักษณ์จากการตัวเหลืองตาเหลือง
ในเรื่องความรุนแรงของโรคดีซ่าน ดังกล่าวแล้วว่า ดีซ่านเป็นเพียงอาการของโรค แต่ไม่ใช่เป็นโรค ดังนั้นความรุนแรงของโรคดีซ่านจึงขึ้นอยู่กับสาเหตุ เช่น
ถ้าเกิดจากโรคนิ่วในถุงน้ำดีหรือไวรัสตับอักเสบเอ ความรุนแรงโรคจะต่ำ แต่ถ้าเกิดจากโรคไวรัสตับอักเสบบี ความรุนแรงของโรคจะสูงขึ้น
และความรุนแรงโรคจะสูงสุดเมื่อโรคหรือภาวะดีซ่านเกิดจากโรคมะเร็ง
การดูแลตนเองและการพบแพทย์
การดูแลตนเองและการพบแพทย์ที่สำคัญ
ได้แก่
· ดูแลตนเองตามโรคที่เป็นสาเหตุตามแพทย์และพยาบาลแนะนำ กินยาต่างๆให้ถูกต้อง ครบถ้วน
อย่าซื้อยากินเอง ควรปรึกษาแพทย์ พยาบาล
หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
· พักผ่อนให้เพียงพอ
กินอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้ง 5 หมู่ บางครั้งอาจต้องจำกัดอาหารประเภทต่างๆ เช่น
ไขมัน โปรตีน เกลือ
ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุและความรุนแรงของโรค
โดยควรปฏิบัติตามแพทย์และพยาบาลแนะนำ
· ดื่มน้ำให้เพียงพอ
อย่าให้ร่างกายขาดน้ำ
(ปากแห้ง คอแห้ง น้ำลายเหนียว
กระหายน้ำ ปัสสาวะน้อย อาจรู้สึกมีไข้ต่ำๆ ขอบตาคล้ำ)
· งดเหล้า บุหรี่
· การดูแลตนเองเมื่อมีอาการคันจากสาเหตุการคั่งของสารบิลิรูบินในเลือด ที่สำคัญได้แก่
-
กินยาหรือทายาบรรเทาอาการตามแพทย์ พยาบาล
หรือ เภสัชกรแนะนำ
-
ดื่มน้ำมากๆ เมื่อไม่มีข้อห้ามจำกัดน้ำจากโรคอื่นๆ เพราะเมื่อผิวหนังชุ่มชื้น อาจช่วยบรรเทาอาการคันได้
-
ไม่ควรอาบน้ำอุ่นจัด เพราะทำให้ผิวแห้ง เพิ่มอาการคัน
เลือกใช้สบู่ที่ไม่ใส่น้ำหอม
และควรเป็นสบู่อ่อนหรือสบู่เด็กอ่อน
-
ใช้โลชั่นหรือครีมสำหรับผิวแห้งหลังอาบน้ำเสมอ
-
ใส่เสื้อผ้าหลวมๆสบายๆ เลือกชนิดผ้าที่ไม่เพิ่มอาการคัน (ผ้าฝ้าย
100%)
และอยู่ในที่อากาศถ่ายเทได้ดี
ไม่ออกแดดโดยไม่จำเป็น
เพราะการมีเหงื่อออกมากจะเพิ่มอาการคันได้
-
ตัดเล็บให้สั้น
รักษาความสะอาดเล็บเพื่อลดโอกาสเกิดแผลติดเชื้อจากการเกา อย่าเกาแรงๆ
แต่ให้ลูบหรือตบเบาๆ
บริเวณที่คันแทน
หรือถ้าคันมากอาจวางกระเป๋าน้ำแข็งประคบ
เพราะมีรายงานว่าช่วยลดอาการคันได้
-
ควรพบแพทย์ถ้าคันจนนอนไม่หลับ อาการคันมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
คันมากหลังจากดูแลตนเองในเบื้องต้นแล้วไม่ดีขึ้น เกิดแผลติดเชื้อจากการเกา
แล้วแผลไม่ดีขึ้นหรือลุกลามหลังการดูแลตนเองในเบื้องต้นแล้ว
-
รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน เพื่อลดโอกาสติดเชื้อแทรกซ้อน
-
พบแพทย์ตามนัดเสมอ และเมื่อมีอาการผิดปกติไปจากเดิม หรือเมื่ออาการต่างๆแย่ลง ควรรีบไปพบแพทย์โดยไม่ต้องรอจนถึงวันนัด
การป้องกัน
การป้องกันโรคดีซ่านคือป้องกันโรคที่เป็นสาเหตุ สำหรับบางโรคป้องกันได้ การป้องกันที่ดีที่สุดคือ
o
การรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน เพื่อลดโอกาสการเกิดตับอักเสบจากการติดเชื้อ
o
งดสุราเพื่อลดโอกาสการเกิดโรคตับแข็ง
o
ระมัดระวังการกินยาและสมุนไพร
o
เมื่อมีอาการผิดปกติต่างๆควรรีบพบแพทย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น