โรคฝีตับจากเชื้อแบคทีเรีย
โรคฝีตับเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
แบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคฝีตับที่พบบ่อยได้แก่ อี.
โคไล
(E. Coli) เครบเซลลา (Klebsiella) สเตรปโตค็อกคัส (Streptococcus) แบคทีเรียกลุ่ม แอนแอโรบส์(Anaerobes) เอนเทอโรค็อกไค (Enterococci) และ สแตฟิโลค็อกคัส (Staphylococcus)ทั้งนี้จะเป็นเชื้อชนิดใดขึ้นกับแหล่งของเชื้อ เช่น เป็นการติดเชื้อลุกลามจากถุงน้ำดีหรือทางเดินน้ำดี ไส้ติ่งอักเสบแล้วแตกเข้าช่องท้อง โรคมะเร็งตับ การผ่าตัดโรคที่เกี่ยวกับตับถุงน้ำดี หรือทางเดินน้ำดีจากอุบัติเหตุที่เกี่ยวเนื่องกับตับ (เช่น ถูกยิงหรือถูกแทง) รวมถึงยังขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศ เพราะแต่ละประเทศมีความชุกของแบคทีเรียแต่ละชนิดแตกต่างกัน
(E. Coli) เครบเซลลา (Klebsiella) สเตรปโตค็อกคัส (Streptococcus) แบคทีเรียกลุ่ม แอนแอโรบส์(Anaerobes) เอนเทอโรค็อกไค (Enterococci) และ สแตฟิโลค็อกคัส (Staphylococcus)ทั้งนี้จะเป็นเชื้อชนิดใดขึ้นกับแหล่งของเชื้อ เช่น เป็นการติดเชื้อลุกลามจากถุงน้ำดีหรือทางเดินน้ำดี ไส้ติ่งอักเสบแล้วแตกเข้าช่องท้อง โรคมะเร็งตับ การผ่าตัดโรคที่เกี่ยวกับตับถุงน้ำดี หรือทางเดินน้ำดีจากอุบัติเหตุที่เกี่ยวเนื่องกับตับ (เช่น ถูกยิงหรือถูกแทง) รวมถึงยังขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศ เพราะแต่ละประเทศมีความชุกของแบคทีเรียแต่ละชนิดแตกต่างกัน
โรคฝีตับจากเชื้อแบคทีเรียเกิดได้ทุกส่วนของตับ และอาจเกิดพร้อมกันหลายจุดทั่วตับ โดยพบว่าเกิดในตับกลีบขวาประมาณร้อยละ 65 – 70 กลีบซ้ายประมาณร้อยละ 25 – 30 และเกิดพร้อมกันทั้งสองกลีบประมาณร้อยละ 5
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงที่พบได้บ่อย
ได้แก่
· ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันโรคบกพร่องหรือต่ำจากสาเหตุต่างๆ
· ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
· ผู้ป่วยโรคตับแข็งและผู้ป่วยติดสุรา
· ผู้ป่วยติดเชื้อรุนแรงในกระแสโลหิต
จากการอักเสบรุนแรงของเนื้อเยื่อหรืออวัยวะต่างๆทั้งในและนอกช่องท้อง
· ผู้ป่วยติดเชื้อรุนแรงในอวัยวะต่างๆในช่องท้อง
· ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดโรคตับ
ถุงน้ำดี หรือท่อน้ำดี
อาการ
อาการของโรคฝีตับจากเชื้อแบคทีเรียจะเหมือนกับการติดเชื้อของอวัยวะอื่นๆทั่วไป แต่มีอาการเกี่ยวกับตับร่วมด้วย ที่พบบ่อยได้แก่
· มีไข้สูง หนาวสั่น อาจถึงช็อกได้
· อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน น้ำหนักลด
· ท้องเสีย
· ดีซ่าน (ตาและตัวเหลือง)
· เจ็บหรือปวดท้องบริเวณตำแหน่งของตับ
(ช่องท้องด้านขวาตอนบน) และตับคลำได้ (ตับปกติจะคลำไม่เจอ)
การวินิจฉัย
แพทย์วินิจฉัยโรคได้จากประวัติอาการของผู้ป่วย ถิ่นที่อยู่อาศัย ประวัติการเป็นโรคหรือการประสบอุบัติเหตุ การผ่าตัด
การตรวจร่างกาย
การตรวจเลือดซีบีซี (CBC) เพื่อดูภาวการณ์ติดเชื้อ การตรวจเลือดดูการทำงานของตับ การตรวจภาพตับด้วยอัลตราซาวนด์หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ การเพาะเชื้อจากเลือด
การตรวจหาเชื้อหรือชนิดแบคทีเรียด้วยกล้องจุลทรรศน์จากหนองในตับ และจากการเพาะเชื้อจากหนองในตับ
แนวทางการรักษา
การรักษา ได้แก่
การให้ยาปฏิชีวนะ
โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะเฉพาะแบคทีเรียนั้นๆ
การเจาะหรือดูดหนองออก และ/หรือการผ่าตัดใส่ท่อขนาดใหญ่เพื่อระบายหนองเมื่อการดูดหรือเจาะไม่ได้ผล และการรักษาประคับประคองตามอาการ เช่น
การให้ยาลดไข้ ยาบรรเทาอาการปวด
การให้น้ำเกลือหรืออาหารทางหลอดเลือดดำเมื่อผู้ป่วยกินอาหารได้น้อย
ความรุนแรงของโรค
โรคฝีตับจากเชื้อแบคทีเรียจัดเป็นโรคที่มีความรุนแรง
เป็นเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ประมาณร้อยละ 5-30
แต่เป็นโรคที่รักษาหายได้ภายในระยะเวลา 4-12
สัปดาห์ และเมื่อหายแล้ว
ไม่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคตับแข็งหรือโรคมะเร็งตับ
ปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดความรุนแรง ได้แก่
· ภูมิคุ้มกันโรคบกพร่องหรือต่ำจากทุกสาเหตุ
· สุขภาพไม่แข็งแรง
ขาดอาหาร
เป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่างๆ
รวมทั้งผู้ป่วยโรคมะเร็ง
· เป็นเบาหวานหรือโรคตับแข็ง
· ผู้สูงอายุและหญิงตั้งครรภ์
· เป็นโรคที่ต้องใช้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์
· เกิดฝีหลายแห่งในตับ
· เกิดผลข้างเคียงจากฝีตับ
· ได้รับการรักษาล่าช้า
·
ดื้อต่อยาปฏิชีวนะ
การดูแลตนเองและการพบแพทย์
· ปฏิบัติตามแพทย์และพยาบาลแนะนำ
โดยเฉพาะเรื่องการกินยาปฏิชีวนะ
ต้องให้ครบถ้วนและถูกต้อง
อย่าหยุดยาเองหรือขาดยา
· รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน
· พบแพทย์ตามนัดเสมอ
และรีบพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติไปจากเดิมหรือมีอาการเลวลงโดยไม่ต้องรอจนถึงวันนัด
การป้องกัน
การป้องกันที่สำคัญ ได้แก่
· รักษาสุขอนามัยพื้นฐานเพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรง ลดโอกาสติดเชื้อต่างๆ
· หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆดังได้กล่าวแล้ว
· รับพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติต่างๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น