โรคฝีบิดตับ
(รูปที่ 1 Ameba ,http://www.petitmusee.org)
เป็นโรคฝีตับซึ่งเกิดจากการติดเชื้อบิดอะมีบา (Ameba)
เป็นโรคฝีตับที่พบได้บ่อยรองจากโรคฝีตับจากเชื้อแบคทีเรีย และมักพบในถิ่นที่การสาธารณสุขยังไม่เจริญ โดยพบได้ประมาณร้อยละ 10-20 ของโรคฝีตับจากทุกสาเหตุ
เชื้อบิดหรือเชื้ออะมีบาเป็นสัตว์เซลล์เดียวหรือโปรโตซัว(Protozoa) ซึ่งระยะที่โรคติดต่อจะอยู่ในระยะเป็นซีสต์(Cyst)
โดยซีสต์จะปะปนในอุจจาระของคนที่เป็นพาหะ
เมื่อคนปกติบริโภคอาหาร
น้ำดื่ม หรือสัมผัสโดยตรงทางปาก (จากทางเครื่องใช้ต่างๆ) ที่ปนเปื้อนอุจจาระที่มีซีสต์อยู่ ซีสต์จะถูกย่อยในลำไส้เล็ก เกิดเป็นตัวอ่อน ซึ่งจะไปเจริญเติบโตในลำไส้ใหญ่และบางครั้งในทวารหนัก แต่ในภาวะรุนแรง เชื้อจะเข้ากระแสเลือดดำลำไส้ เข้าสู่เนื้อเยื่อตับ ตามลำดับ
ตับขึงเกิดการติดเชื้อและเกิดฝีบิดตับ
แต่บางครั้งอาจติดเชื้อจากการสวนล้างท้องและ/หรือสวนล้างพิษด้วยวิธีการหรือน้ำยาไม่สะอาดซึ่งปนเปื้อนเชื้อบิด ทำให้เกิดโรคบิดของลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก
แล้วจึงลุกลามเข้าตับได้ดังกล่าว
โรคฝีบิดตับมักเกิดในตับกลีบขวามากกว่าตับกลีบซ้าย เป็นโรคที่เกิดได้ในทุกอายุ ทั้งในเด็ก
ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ อีกทั้งยังพบในผู้ชายร้อยละ 7-12 เท่าของผู้หญิง (โดยไม่ทราบสาเหตุ)
ปัจจัยเสี่ยง
· การอยู่อาศัยหรือการท่องเที่ยวในถิ่นที่มีเชื้อบิดเป็นเชื้อประจำถิ่น
· พบในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
เด็กพิการ
หรือคนชราที่ขาดสุขอนามัย
· พบในชายรักร่วมเพศ
อาการ
โรคฝีบิดตับมีอาการเช่นเดียวกับที่ได้กล่าวแล้วในโรคฝีตับจากเชื้อแบคทีเรีย
แต่ที่เพิ่มเติมคือถ่ายอุจจาระเป็นมูกเลือด หากมีการติดเชื้อในลำไส้ใหญ่และ/หรือทวารหนักร่วมด้วย
การวินิจฉัย
แพทย์วินิจฉัยโรคฝีบิดตับได้ด้วยวิธีการเดียวกับการวินิจฉัยโรคฝีตับจากเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะจากประวัติถิ่นที่อยู่อาศัย การท่องเที่ยว
และอาการท้องเสียหรืออุจจาระมีมูกเลือด
นอกจากนั้นคือการตรวจพบเชื้อบิดจากหนองในตับ
แนวทางการรักษา
โรคฝีบิดตับมีวิธีการรักษาเช่นเดียวกับในโรคฝีตับจากเชื้อแบคทีเรียต่างกันที่ชนิดของยาฆ่าเชื้อ ซึ่งจะเป็นยาฆ่าเชื้อบิด
ความรุนแรงของโรค
โรคฝีบิดตับจัดเป็นโรครุนแรงเช่นเดียวกับโรคฝีตับจากทุกสาเหตุและเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตได้ประมาณร้อยละ 5-10 โดยเฉพาะในผู้ป่วยซึ่งเกิดผลข้างเคียงและ/หรือดื้อต่อยาฆ่าเชื้อ
โดยทั่วไปรักษาหายภายในระยะเวลา 2-4 สัปดาห์
แต่ยังคงหลงเหลือโพรงฝีหรือหนองได้นานเฉลี่ยประมาณ 3 เดือน
(อาจเป็นปีหรือหลายปี)
และไม่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคตับแข็งหรือโรคมะเร็งตับ
การดูแลตนเอง การพบแพทย์
และการป้องกัน
การดูแลตนเอง การพบแพทย์
และการป้องกันเช่นเดียวกับในโรคฝีตับจากเชื้อแบคทีเรีย แต่เน้นเรื่องการรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน โดยเฉพาะเรื่องอาหาร (ผักสด
ผลไม้สด อาหารสุกๆดิบๆ) น้ำดื่ม
เครื่องใช้ในการบริโภค (เช่น ช้อน
แก้วน้ำ)
การเดินทางไปยังถิ่นของโรคนี้
และการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆดังได้กล่าวแล้ว