ภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน
1 โรคแทรกซ้อนเฉียบพลัน
1.1 ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
หมายถึง ภาวะที่มีน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 50 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ในผู้สูงอายุ และทำให้เกิดการหมดสติไม่รู้ตัว
เกิดจากรับประทานอาหารน้อยกว่าปกติ หรือรับประทานอาหารผิดเวลา การฉีดอินซูลิน
หรือรับประทานยาเม็ดลดระดับน้ำตาลมากเกินไป หรือพบในผู้ป่วยที่มีภาวะไต
หรือตับเสื่อมทำให้การทำลายหรือการขับยาออกจากร่างกายน้อยลงทำให้ฤทธิ์ของยามากขึ้น
การออกกำลังกายมากกว่าปกติ อาการที่พบคือ หิว ใจสั่น มือสั่น เหงื่อออกมาก มึนงง
หงุดหงิด ถ้าเป็นมากอาจมีอาการชักเกร็ง หมดสติได้
1.2 ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงมาก
และไม่มีสารคีโตนหลั่ง มักพบในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 หรือผู้สูงอายุที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ดี เมื่อมีอาการเจ็บป่วยรุนแรง
หรือการติดเชื้อจะมีการหลั่งฮอร์โมนต่างๆซึ่งทำให้ความต้องการอินซูลินเพิ่มขึ้น ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากจนเกิดอาการกระหายน้ำ
ปัสสาวะมาก อ่อนเพลีย น้ำหนักลด บางครั้งมีอาการชักกระตุก ซึม หมดสติ กรณีของการติดเชื้อ
จะทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย ที่พบบ่อยได้แก่ วัณโรค ปอด
การติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะการติดเชื้อรา เป็นต้น
2 โรคแทรกซ้อนเรื้อรัง
2.1 โรคแทรกซ้อนจากหลอดเลือดใหญ่
มีการตีบตันของหลอดเลือดใหญ่ ที่สำคัญได้แก่หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ สมอง ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
กล้ามเนื้อหัวใจตายอัมพาต อัมพฤกษ์ หรือเกิดการตีบของหลอดเลือดไปเลี้ยงขา
เกิดอาการปวดน่อง ถ้ามีการอุดตันของหลอดเลือด จนเกิดการตายของเนื้อเยื่อ ทำให้ต้องตัดขา
นอกจากนี้ยังพบความดันโลหิตสูงได้บ่อยในผู้สูงอายุ
โดยเฉพาะความดันโลหิตสูงชนิดซิสโตลิก (Systolic Hypertension)
2.2 โรคแทรกซ้อนจากหลอดเลือดเล็ก
- โรคจอประสาทตาผิดปกติจากเบาหวาน
(Diabetic
Retinopathy : DR) มีความผิดปกติที่จอประสาทตาเกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงเซลล์ที่จอรับภาพเกิดอาการตามัวถ้าเป็นมากจะมีเลือดออกในจอประสาทตาเกิดตาบอดได้
- โรคไตจากเบาหวาน
(Diabetic
nephropathy : DN) เกิดจากการตีบของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงไต ทำให้การทำงานของไตเสื่อมลง
กรองของเสียไม่ได้ ทำให้มีของเสียคั่งในเลือดเกิดไตวาย
ภาวะไตเสื่อมจากเบาหวานในระยะแรกไม่มีอาการ
อาศัยการตรวจหาอัลบูมินในปัสสาวะเป็นการช่วยวินิจฉัยตั้งแต่ระยะแรก
- โรคแทรกซ้อนทางระบบประสาท
(Diabetic
neuropathy) ที่พบบ่อยคืออาการจากระบบประสาทส่วนปลายเสื่อมมีอาการชา
ความรู้สึกน้อยลง หรือไม่รู้สึกเริ่มจากปลายนิ้วเท้า และลามขึ้นเรื่อยๆ
อาการชาที่เท้าทำให้ไม่รู้สึกเจ็บ
อาจเกิดแผลลุกลามจนถึงต้องตัดขาได้นอกจากนี้อาจพบอาการของเส้นประสาทปวดแสบปวดร้อน
ซึ่งมักพบในเส้นประสาททั่วไปเลี้ยงเท้าและขา